วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

คลัทซ์เหยียบตลอด อันตราย ![เรื่องควรรู้] #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

คลัทซ์เหยียบตลอด  อันตราย ![เรื่องควรรู้] #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์
คลัทซ์เหยียบตลอด อันตราย ![เรื่องควรรู้] #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

ผู้ขับรถส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มักเลือกขับรถเกียร์อัตโนมัติมากกว่า เพราะขับขี่ง่าย ไม่ยุ่งยาก แต่ยังมีอีกหลายคนที่เลือกรถเกียร์ธรรมดา เพราะสนุก! กับการตอบสนองในการขับขี่และการเร่งที่ทันใจ สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนของรถ 2 กลุ่มนี้คือคลัทช์ ที่รถเกียร์ธรรมดา ต้องเหยียบคลัทช์ในช่วงเปลี่ยนเกียร์ เพื่อป้องกันเครื่องดับ ซึ่งบางคนก็ติดนิสัยเหยียบคลัทช์ตลอดเวลาไปเลย

สำหรับประเทศไทย การสอบใบขับขี่ ผู้คุมสอบจะไม่มาสนใจพฤติกรรมการเหยียบคลัทช์ของผู้สอบเลย ซึ่งความจริงแล้วการเหยียบคลัทช์ตลอดเวลานั้นอันตรายมาก การเหยียบคลัทช์ขณะรถวิ่งไปด้วยมีค่าเท่ากับการใช้เกียร์ว่าง เรียกว่า "Coasting" ซึ่งในจังหวะฉุกเฉินอาจควบคุมไม่อยู่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งการสอบใบขับขี่ในบางประเทศ จะให้ความสำคัญเรื่องคลัทช์ด้วย เช่นประเทศอังกฤษ ถ้าผู้สอบมีพฤติกรรมเหยียบคลัทช์ตลอดเวลา จะถูกปรับตกทันที

ในขณะรถวิ่งตามปกติอยู่นั้น แรงฉุดจากเครื่องยนต์จะถูกส่งกำลังไปกดที่ล้อรถ เพื่อช่วยให้ล้อรถติดกับพื้นถนน  แต่หากผู้ขับขี่เกิดไปเหยียบคลัทช์ ด้วยเหตุใดก็ตาม แรงกดลงที่ส่งไปยังล้อจะหายไป รถจะไม่เกาะถนน จังหวะนี้หากต้องหักหลบ หรือรถลื่น จะควบคุมรถไม่อยู่ ยิ่งกับคนที่เคยชินกับการเหยียบเบรกพร้อมกับคลัทช์ จะทำให้รถพุ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้น เพราะแรงฉุดจากเครื่องยนต์หายไป เบรกจะยากขึ้นไปอีกด้วย
 MotorInsurance
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทุกวันนี้มีส่วนหนึ่งมาจากการใช้คลัทช์เกินจำเป็น คือเหยียบคลัทช์แทบตลอดเวลา จึงมีข้อแนะนำให้ลดการเหยียบคลัทช์ลง เช่น เหยียบคลัทช์เมื่อเปลี่ยนเกียร์ หรือช่วงขับช้าๆ เพื่อเข้าที่แคบเท่านั้น ฝึกไว้ครับ

อย่างกรณีที่ต้องเบารถ เพียงแค่ยกคันเร่งขึ้น ความเร็วก็จะผ่อนลง หรืออาจจะใช้เบรกช่วย แต่อย่าเหยียบคลัทช์เด็ดขาด และหากจำเป็นต้องเบรกในระยะสั้น ให้ออกแรงเหยียบเบรกมากสักหน่อย จนเมื่อรถเกือบหยุดแล้วจึงเหยียบคลัทช์และปลดเกียร์ว่าง การฝึกแบบนี้จะช่วยให้คุมรถง่ายขึ้น ไม่ปัดซ้ายขวาเวลาเบรก และต้องระวังเท้าซ้ายตัวเองว่าอย่าเหยียบคลัทช์ในตอนที่รถวิ่งแล้ว ให้เป็นนิสัยนะครับ   
ขอขอบคุณ โตโยต้านน

ที่มา http://www.asnbroker.co.th 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง Asn Broker Blog ,Asn Broker Blogspot , Asn Broker Exteen , Asn Broker Wikidot , Asn Broker on Wordpress , Asn Broker Journal Blog
Motor Insurance

วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ลานจอดรถ อันตรายกว่าที่คุณคิด #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์ #pantip

ลานจอดรถ อันตรายกว่าที่คุณคิด #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์
ลานจอดรถ อันตรายกว่าที่คุณคิด #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

ใครจะคิดว่าการขับหาที่จอดในลานจอดรถ เพื่อทำธุระต่างๆ ทั้งในห้างหรือซูเปอร์มาร์เก็ต จะเกิดอันตรายขึ้นได้ และมีความไม่ปลอดภัยมากมายที่คุณอาจมองข้ามไป หลายๆ คนอาจจะมองว่า การขับรถเพียงเพื่อหาที่จอดรถ คงไม่มีอันตรายใดๆ และไม่มีอะไรต้องระวังมาก แค่หาที่จอดก็จอดเลยโดยไม่ได้ระวังสิ่งรอบตัว แต่จริงๆ แล้วนั้น อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทั้งแบบเล็กๆ น้อย ไปจนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งผู้ขับขี่ต้องมีความใส่ใจ และไม่ประมาทในทุกๆ กรณี แม้แต่ในสถานที่อย่างลานจอดรถที่ดูเหมือนไม่มีอะไร
เราไปดูกันดีกว่าครับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ พบเจอกันเป็นประจำในลานจอดรถ และอะไรที่เราควรระวังเมื่อขับเข้าสู่ลานจอดรถกันบ้าง
1. รถที่กำลังหาที่จอดเหมือนกับเรา

รถที่กำลังหาที่จอด บางครั้งขับเร็ว เพราะหงุดหงิดไม่มีที่จอด บางครั้งคลานไปช้าๆ (เต่าเดินกัดยางได้) เพื่อหาที่จอดโดยไม่สนว่ารถคันหลังจะติดขัดแค่ไหน และบางครั้งเบรกกะทันหันพร้อมเข้าเกียร์ถอยอย่างรวดเร็วจนรถคันหลังตั้งตัวไม่ทัน ในกรณีอย่างนี้ ทางที่ดี เราควรขับเว้นระยะไว้สักหน่อยครับ ไม่อย่างนั้นได้สิทธิ์ชนท้ายรถคันข้างหน้าแน่ๆ ในขณะเดียวกันก็ควรขับช้าๆ เมื่อต้องการหยุดรถให้ค่อยๆ ชะลอเผื่อให้คันที่ตามมาได้เตรียมตัวเหมือนกันครับ
 
2. พวกอวดเก่ง

กลุ่มคนเหล่านี้มักชอบแสดงให้คนอื่นรู้ว่า "ฉันขับเก่งสามารถขับซิ่งในทางขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว" คิดว่าเป็นเรื่องเท่ คิดว่าตัวเอง "เอาอยู่" หรือรีบมากจนต้องขับเร็วๆ โดยไม่สนรถคันอื่นจะหวาดกลัวแค่ไหน สนองความต้องการตนเองฝ่ายเดียว ซึ่งแน่นอนว่าการขับรถแบบนี้ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากๆ ครับ เพราะอย่างนั้นแล้ว เราจึงต้องระมัดระวังมากๆ ครับ ยิ่งในบริเวณทางขึ้น-ลง ยิ่งต้องระวังเป็น 2 เท่า เพราะจะมีมุมอับสายตาในหลายจุด และควรใช้ความเร็วให้ต่ำที่สุดพอที่รถจะไหลขึ้นเนินไปได้ หรือขณะขับในทางลงก็ควรวางเท้าขวาไว้ที่แป้นเบรกตลอดเวลา หากมีรถที่ขึ้นหรือลงจากช่องทางข้างๆ หรือแม้แต่รถที่กำลังพุ่งออกจากช่องจอดรถ เราจะสามารถเบรกได้ทันที
3. ขับไป โทรฯ ไป

ภายในลานจอดนั้น รถยนต์แต่ละคันมักจะหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาเพื่อน ไลน์หาแฟน หรือกดแชร์/ไลค์ในโซเชียลฯ ต่างๆ จนติดเป็นนิสัย ลองคิดดูว่าหากรถเกือบทุกคันเล่นโทรศัพท์ไป ขับหาที่จอดไปด้วย จนลืมมองทางหรือมองสิ่งอื่นๆ รอบรถนั้น จะวุ่นวายขนาดไหน! การขับในลานจอดจึงจำเป็นต้องใช้สมาธิสูงไม่แพ้ขับบนถนนใหญ่ ไหนจะต้องควบคุมทิศทางรถ ควบคุมความเร็วให้พอเหมาะ สายตาต้องมองไปข้างหน้าไกลๆ และรอบๆ ตัวรถ ด้านหลังก็ต้องคอยสังเกตตลอดเวลา หากคุณเอาเวลาเพียงเสี้ยววินาทีไปมอง "จอ" มันจะเกิดอะไรขึ้น...
4. จอดแช่

การจอดลักษณะนี้ เป็นการจอดรอรถที่กำลังออกจากช่องให้ขับออกไปก่อน เพื่อตัวเองจะได้เข้าจอดต่อไป จริงๆ แล้วเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องปกติครับ แต่บางครั้ง มักจะมีรถบางคัน ใจร้อน ขอแซงออกไปก่อน ซึ่งบางครั้ง จังหวะประจวบเหมาะมีรถอีกคันพุ่งออกมาจากที่จอดพอดี พบกันโดยไม่ได้นัดหมาย สุดท้ายก็พากันติดขัดไปทั้งหมด
5. ฉันจะไปซะอย่าง

ในบางครั้งเราจะเจอรถที่ขับมาออกจากตรอก หรือแยกทางร่วมภายในลานจอดที่มักทิ่มหัว และเบียดเข้ามาในทางหลักหวังเพียงว่า "ฉันจะต้องไปก่อน" โดยไม่สนใจว่า "มารยาท" คืออย่างไร แย่งกันไปแย่งกันจอด ขาดความเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนร่วมทาง ซึ่งบางครั้งก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ครับ ถ้าไม่ระวังกัน
6. ไม่เคารพกฎกติกา และมารยาท

เรามักพบเจอรถบางคันที่ไม่ขับตามกฏจราจรในสถานที่จอดรถ เช่น ขับย้อนศร, ขับเร็วเกินกำหนด, จอดในที่ห้ามจอด ฯลฯ ซึ่งล้วนทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น และยังก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
 
การขับรถในลานจอดอาจมีสิ่งไม่คาดคิดอีกมากมาย ดังนั้นผู้ขับรถควรมีสมาธิ และความรับผิดชอบไม่แพ้การขับบนถนนหลัก ไม่ควรประมาท เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ และทุกเวลาครับ
บทความโดย :  http://www.checkraka.com/
ที่มา: http://www.asnbroker.co.th

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง Asn Broker Blog ,Asn Broker Blogspot , Asn Broker Exteen , Asn Broker Wikidot , Asn Broker on Wordpress , Asn Broker Journal Blog
Motor Insurance

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รวมบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

รวมบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์
รวมบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

รถยนต์เป็นยานพาหนะสำคัญที่หลายครอบครัวมักใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว แม้ปัจจุบันรถส่วนใหญ่มักทำประกันภัยคุ้มครอง แต่นั่นก็ครอบคลุมเฉพาะกรณีเกิดอุบัติเหตุ ถ้ารถเกิดมีปัญหาขึ้นมาระหว่างการเดินทาง เช่น แบตเตอรี่หมด หรือเครื่องยนต์ไม่ทำงาน การแก้ไขด้วยตนเองและขอความช่วยเหลือมักเป็นเรื่องลำบาก แม้จะมีเบอร์บริการหลากหลายจากองค์กรต่างๆ ก็ตาม โชคดีที่ปัจจุบันผู้ผลิตรถชั้นนำมักมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ทำให้ลูกค้าอุ่นใจและมั่นใจในการเดินทางมากขึ้น ตลอดจนเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของผู้ผลิตรถในระยะยาว เลยรวบรวมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินของผู้ผลิตรถชั้นนำมานำเสนอเพื่อเป็นประโยชน์ผ่านบทความนี้
นิสสัน (Nissan)
NissanMotorInsurance
นิสสันมีให้บริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน ฟรีเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า แม้เกิดเหตุขัดข้อง ในระหว่างการเดินทาง หรือต้องการความช่วยเหลือ ก็พร้อมให้บริการในทุกเส้นทางครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ บริการ 24 ชั่วโมง ช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินของนิสสัน สามารถให้คำปรึกษาได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ รวมถึงช่างเทคนิคที่พร้อมให้คำแนะนำทางการแก้ปัญหา และตอบข้อซักถามต่างๆ กรณีมีปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ทางศูนย์ฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปให้ความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาดังกล่าว ณ จุดเกิดเหตุ เช่น ปัญหาแบตเตอรี่ ยางแบน น้ำมันหมดฉุกเฉิน หรือลืมกุญแจไว้ในรถ หากปัญหาที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ไขได้ในทันที ทางเจ้าหน้าที่จะส่งรถยกออกไปให้บริการ เพื่อนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการนิสสันที่อยู่ใกล้ที่สุดต่อไปสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-205-7778 บริการ 24 ชั่วโมง
เชฟโรเลต(Chevrolet)
ChevroletMotorInsurance
CHEVY MOBILE SERVICE
อีกขั้นในการให้บริการลูกค้าอย่างครอบคลุม ครบวงจร Chevy Mobile Service เตรียมพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน และช่างผู้ชำนาญงานที่พร้อมและให้คำปรึกษา ทั้งในกรณีฉุกเฉินที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน หรือการดูแลรักษาเครื่องยนต์เบื้องต้น โดยที่ท่านไม่ต้องนำรถมาเข้าศูนย์บริการด้วยตนเอง ทั้งบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันหล่อลื่นต่างๆ แบตเตอรี่หัวเทียน การเช็คตามระยะ* การเปลี่ยนสายพาน ไส้กรองน้ำมันและไส้กรองอากาศ เป็นต้น * ยกเว้นระยะที่ต้องเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง
CHEVY ROADSIDE ASSISTANCE
บริการมาตรฐานสำหรับลูกค้าทุกท่านใน 3 ปีแรก Chevy Roadside Assistance เตรียมพร้อมในการให้บริการลูกค้าอย่างเร่งด่วน ครอบคลุม ครบวงจร ทั่วประเทศไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในกรณีฉุกเฉิน สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้า โดยทาง Chevy Roadside Assistance จะส่งช่างผู้ชำนาญการไปให้ความช่วยเหลือ ณ จุดที่แจ้ง โดยเร็วที่สุด และนำรถลากไปให้บริการในกรณีที่จำเป็น ตลอด 24 ชั่วโมง*
หมายเหตุ: * ยกเว้นรถที่เกิดอุบัติเหตุ
แจ้งเหตุฉุกเฉินได้ที่ โทร. 1734 ต่อ 1
มาสด้า(Mazda)
MazdaCarInsurance
มอบความสุขให้กับคุณตลอดการเดินทางด้วยบริการ Mazda Active Service กับการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. และบริการจองเที่ยวบิน, จองโรงแรม, จองภัตตาคาร และอีกหลากหลายบริการที่พร้อมให้บริการคุณครอบคลุมทุกเส้นทางเพื่อให้คุณมั่นใจได้เลยว่าความช่วยเหลือและบริการต่างๆ จะส่งตรงถึงคุณอย่างรวดเร็ว 
สมาชิกมาตรฐาน สำหรับรถรุ่น Mazda 2, Mazda 3, BT-50 และ CX-5
  • ฟรี บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน  ไม่จำกัดจำนวนครั้งใน 1 ปี
  • ฟรี บริการยก/ลากรถ ไม่จำกัดจำนวนครั้งใน 1 ปี
  • ฟรี บริการยก/ลากรถฟรีไปยังศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุดไม่จํากัดระยะทาง หรือยกไปในสถานที่ที่ลูกค้าต้องการภายในระยะทาง 15 กม. (หากเกินจาก 15 กม. คิดค่าบริการ 25บาท/กม.) โดยลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
  • สําหรับการยก/ลากรถระยะทางไกล (เกินกว่า 50 กม.) ทางศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉินจะต่อรองราคาเหมาจ่ายกับผู้ให้บริการ ยก/ลากรถ โดยคํานวณจากอัตราที่ต่ำกว่า และต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าก่อน
  • ฟรี บริการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคตลอด 24 ชม. ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หรือรถเสียฉุกเฉิน
  • กรณีล็อครถโดยไม่ตั้งใจ ฟรีค่าบริการในระยะทาง 20 กม.แรก เพื่อนํากุญแจสํารองมาเปิด หากเกิน 20 กม. คิดค่าบริการ 25 บาท/กม. กรณีเรียกช่างกุญแจเฉพาะทาง ลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับช่างทำกุญแจ
  • ฟรี เติมน้ำมัน 1 ครั้ง/ปี จำนวนไม่เกิน 5 ลิตร กรณีรถไม่สามารถขับได้เพื่อให้สมาชิกสามารถขับรถไปยังสถานีน้ำมัน ที่ใกล้ที่สุด หากเกิดเหตุการณ์เดียวกันภายในปีเดียวกัน ค่าน้ำมันสมาชิกต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
  • ฟรี บริการจัดหารถทดแทนในกรณีที่รถของลูกค้าต้องถูกยก/ลากจากที่เกิดเหตุไปยังศูนย์บริการทางศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน จะทําการประสานงานจัดหารถทดแทนให้แก่ลูกค้า ในกรณีที่ต้องการ โดยลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ในการเช่ารถ และอื่นๆ ตามเงื่อนไขการเช่ารถ
  • ฟรี สิทธิประโยชน์แบบมาตรฐาน สำหรับรถใหม่ ตลอด 3 ปี
สิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกพรีเมียม สำหรับรถรุ่น CX-9 และ MX-5
  • ฟรี บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน ไม่จำกัดจำนวนครั้งใน 1 ปี
  • ฟรี บริการยก-ลากรถ ไม่จำกัดจำนวนครั้งใน 1 ปี
  • ฟรี บริการยก-ลากรถฟรีไปยังศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุด ไม่จํากัดระยะทางหรือยก/ลากฟรี ไปสถานที่ที่ลูกค้าต้องการ ในระยะทาง 35 กม. (หากเกินคิด 25 บาท/กม.) สำหรับการยก/ลากรถระยะ ทางไกล (เกินกว่า 50 กม.) ทางศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน จะต่อรองราคาเหมาจ่ายกับผู้ให้บริการยก/ลากรถ โดยคํานวณจากอัตราที่ ต่ำกว่าและต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าก่อน
  • ฟรี บริการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคตลอด 24 ชม. กรณี เกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย
  • กรณี ล็อครถโดยไม่ตั้งใจ เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญจะหาวิธีการเข้าไปในรถเพื่อเปิดล็อคให้ (โดยต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าก่อน) ในกรณีที่ไม่สามารถเข้าไปในรถได้  ค่าใช้จ่ายสำหรับช่างทำกุญแจ จะรวมอยู่ในบริการ
  • ฟรีเติมน้ำมัน 1 ครั้ง/ปี จำนวนไม่เกิน 10 ลิตร กรณีรถไม่สามารถขับได้เพื่อให้สมาชิกสามารถขับรถไปยังสถานีน้ำมันที่ใกล้ที่สุด หากเกิดเหตุการณ์เดียวกันภายในปีเดียวกัน สมาชิกต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
  • ฟรี บริการจัดหารถทดแทนในกรณีที่รถของ ลูกค้าต้องถูกยก/ลากจากที่เกิดเหตุไปยังศูนย์บริการทางศูนย์ฯจะทำการจัดหารถทดแทนให้แก่ลูกค้าในกรณีที่ต้องการโดยลูกค้า เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเช่ารถและอื่นๆ ตามเงื่อนไขการเช่ารถ 
  • เงื่อนไขการเป็นสมาชิก รถยนต์ต้องมีอายุไม่เกิน 5 ปี หรือ ไม่เกิน 100,000 กม 
ฮอนด้า(Honda)
HondaLink เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับรถของคุณ
แอปพลิเคชันใหม่จาก ฮอนด้า ที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงทุกข้อมูลสำคัญ ของรถคู่ใจได้ตลอดเวลาบนสมาร์ทโฟน พร้อมบริการที่คอยอำนวยความสะดวกระหว่างการเดินทางอีกมากมายให้คุณกับรถเข้าใจกันมากขึ้นในทุกๆ ครั้งของการขับขี่
Honda Roadside Assistance
บริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนเป็นเพื่อนแท้ของคุณทุกเวลา ด้วยบริการให้ความช่วยเหลือบนท้องถนนตลอด 24 ชม.
  1. บริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Honda RSA) Location Tracking รายงานตำแหน่งที่เกิดเหตุให้ศูนย์บริการทราบได้ทันที พร้อมแสดงข้อมูลและตรวจสอบตำแหน่งของหน่วยบริการที่จะเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
  2. ฟังก์ชั่นเสริมสุดล้ำต่างๆ เพื่อเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง เช่น Dealer Search ค้นหาตำแหน่งศูนย์บริการฮอนด้า ที่อยู่ใกล้ท่านมากที่สุด เมื่อต้องการความช่วยเหลือ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz)
MERCEDEZ-BENZ Service24h 
นอกเหนือจากความหรูหราที่คู่ควรความเป็นเลิศแห่งสมรรถนะ พร้อมความสะดวกเหนือระดับที่ท่านจะพบได้ในทุกรายละเอียดของยนตรกรรม รวมทั้งบริการหลังการขายซึ่งจะทำให้การครอบครองเมอร์เซเดส-เบนซ์ คือประสบการณ์ของความแตกต่างแท้จริงแล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ขอมอบ Star Assist หนึ่งในสิทธิพิเศษสำหรับท่านเพื่อความอุ่นใจในทุกการเดินทาง ด้วยโปรแกรมการช่วยเหลือยามฉุกเฉินที่สมบูรณ์แบบที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย ไม่ว่าที่ไหนและเวลาใดก็ตามที่ต้องการความช่วยเหลือ เพียงติดต่อเข้ามายังศูนย์ Star Assist ท่านจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญที่มากด้วยประสบการณ์ สามารถสนทนาได้คล่องแคล่วทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกตามที่ท่านต้องการอย่างรวดเร็ว 
STAR ASSIST โทร. (662) 205 7811 

บีเอ็มดับเบิ้ลยู (BMW)
BMW Mobility Service
ช่วงเวลาแห่งความอุ่นใจ สำหรับทุกการเดินทาง BMW Mobility Service บริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินจากบีเอ็มดับเบิลยู ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ ปลอดภัยในทุกการเดินทาง
  • ศูนย์บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง พร้อมให้บริการท่านอย่างทันท่วงทีโดยเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าและช่างเทคนิคผู้ชำนาญงาน 
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ เพิ่มความอุ่นใจเหนือระดับด้วยช่างเทคนิคมืออาชีพ 
  • การบริการยกรถในกรณีประสบเหตุฉุกเฉิน ให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
สำหรับท่านเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูใหม่ทุกคัน ท่านจะได้รับสิทธิ์เป็นสมาชิก BMW Mobility Service เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย  เมื่อถึงกำหนดหมดอายุการเป็นสมาชิก ท่านสามารถติดต่อศูนย์บริการ BMW Mobility Service เพื่อต่ออายุการเป็นสมาชิกได้ตามหมายเลขโทรศัพท์ใน BMW Mobility Service Card อย่างไรก็ตาม BMW Mobility Service พร้อมที่จะให้บริการเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูทุกคัน ไม่ว่าท่านจะเป็นสมาชิกหรือไม่ก็ตาม  และเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ กรุณาเตรียมรายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถ เช่น รุ่นของรถ หมายเลขทะเบียนรถ และหมายเลขตัวถัง หรือเตรียม BMW Mobility Service Card ให้พร้อมทุกครั้งที่ติดต่อขอรับบริการ
สายด่วน BMW Mobility Service : 1-800-999-000 (โทรศัพท์ธรรมดา) / 1-401-999-000 (โทรศัพท์มือถือ)
ขอบคุณที่มา http://www.checkraka.com/

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง Asn Broker Blog ,Asn Broker Blogspot , Asn Broker Exteen , Asn Broker Wikidot , Asn Broker on Wordpress , Asn Broker Journal Blog
 
Motor Insurance


คปภ.ลุยเดินหน้าปรับประกันภัยรถภาคบังคับ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง

คปภ.ลุยเดินหน้าปรับประกันภัยรถภาคบังคับ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง
คปภ.ลุยเดินหน้าปรับประกันภัยรถภาคบังคับ #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง


นายประเวช องอาจสิทธิกุล  เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เผยผลการประชุมระหว่าง สำนักงานคปภ.สมาคมประกันวินาศภัยไทย และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เพื่อร่วมกันพิจารณาปรับปรุงการประกันภัยรถภาคบังคับ หรือการประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. ในเชิงบูรณาการตามผลการศึกษาของทีดีอาร์ไอโดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถทุกคน โดยที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน และกำหนดกรอบการพิจารณาไว้ 5 ประเด็นคือ

  1. การปรับวงเงินการคุ้มครองให้มีความเหมาะสมเพียงพอต่อการดูแลผู้ประสบภัยจากรถ
  2. การปรับเบี้ยประกันภัยให้สอดคล้องกับความจริง
  3. การปรับปรุงรูปแบบกรมธรรม์ประกันภัยให้รวมการประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจอยู่ในฉบับเดียวกัน
  4. การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย
  5. การขยายขอบเขตการประกันภัยรถภาคบังคับ ให้ครอบคลุมความเสียหายในส่วนอื่นมากขึ้นเช่น คุ้มครองทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย เป็นต้น
          เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่าข้อเสนอจากงานวิจัยของทีดีอาร์ไอบางประเด็นสามารถดำเนินการได้ตามอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน คปภ. บางประเด็นเป็นอำนาจของคณะกรรมการ คปภ. และมีอีกหลายประเด็นต้องมีการแก้ไขกฎหมาย จึงได้มอบนโยบายให้คณะทำงาน เร่งจัดทำรายละเอียด กรอบระยะเวลา และแผนการดำเนินงานอย่างชัดเจน ให้ได้ข้อสรุปภายในไตรมาสแรกของปีนี้ เช่น ในเรื่องการเพิ่มวงเงินการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถให้มีความเหมาะสมนั้น อาจต้องมีการกำหนดแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาวว่าจะมีการปรับวงเงินการคุ้มครองเท่าไหร่ อย่างไรเนื่องจากการเพิ่มวงเงินการชดเชยอาจมีผลกระทบต่อเบี้ยประกันภัยด้วย
CarInsurance
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการปรับจำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้นสำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยจากรถ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 จากเดิมที่กำหนดไว้จำนวนเงินไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน ปรับเพิ่มเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน และได้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา
                    ดร. สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า  สถานการณ์ในปัจจุบันมีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษา เยียวยาก็ปรับสูงขึ้น  ดังนั้น การรักษาเยียวยาผู้ประสบภัยจากรถควรมีการพัฒนาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการบริการและการชดเชยค่าใช้จ่าย การเพิ่มวงเงินคุ้มครองชดเชยให้แก่ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต และโดยเฉพาะผู้ประสบภัยที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลมีความจำเป็นเร่งด่วน วงเงินความคุ้มครองควรได้รับการปรับปรุงให้เพียงพอต่อการรักษาพยาบาล อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มความคุ้มครองอาจมีการปรับวงเงินเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ เพื่อให้สังคมเกิดการปรับตัวและได้รับการยอมรับมากขึ้น เนื่องจากอาจต้องมีการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยควบคู่กันไปด้วย  อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการปรับเบี้ยประกันภัยรถจักรยานยนต์ให้สะท้อนภาพความจริงให้มากที่สุด ลดการนำเบี้ยประกันภัยรถยนต์ไปอุดหนุนผลขาดทุนรถจักรยานยนต์
ที่มา http://www.asnbroker.co.th 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง Asn Broker Blog ,Asn Broker Blogspot , Asn Broker Exteen , Asn Broker Wikidot , Asn Broker on Wordpress , Asn Broker Journal Blog
Motor Insurance

วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความเข้าใจผิด เรื่อง วันคุ้มครอง! และวันออกเอกสารกรมธรรม์! #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง

ความเข้าใจผิด เรื่อง วันคุ้มครอง! และวันออกเอกสารกรมธรรม์! #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง
ความเข้าใจผิด เรื่อง วันคุ้มครอง! และวันออกเอกสารกรมธรรม์! #ประกันภัยรถยนต์ #ต่อประกันรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง

เรื่องของ ความเข้าใจผิด เรื่อง “วันคุ้มครอง” และ “วันออกเอกสารกรมธรรม์”การสมัครทำประกันภัย ไม่ว่าจะประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันรถยนต์ ฯลฯ
“วันคุ้มครอง” คือ วันที่การสมัครทำประกันนั้นๆ เป็นผลเเล้ว แม้เอกสารจะยังไม่เรียบร้อย เนื่องจาก ต้องส่งต่อไปยังแผนกพิมพ์เล่ม
การพิจารณาใบสมัครประกันภัย เมื่อพิจารณา อนุมัติเเล้วก็จะเข้าสู่ระบบซึ่งสามารถตรวจสอบได้ อาจจะโดยการโทรไปถาม ที่บริษัทฯ
เมื่ออนุมัติความคุ้มครองเเล้ว เเล้วขั้นตอนต่อไป ทางบริษัทฯจะส่งไปแผนกออกกรมธรรม์ สำหรับจัดทำพิมพ์รูปเล่มกรมธรรม์ เพื่อจัดส่งต่อไป
ดังนั้น “เล่มกรมธรรม์ ” (เอกสารกรมธรรม์) กับ วันที่คุ้มครอง (วันที่อนุมัติความคุ้มครอง) จึงไม่ตรงกัน เพราะเป็นคนละขั้นตอนกัน
เนื่องจากขั้นตอนการออกกรมธรรม์ เป็นขั้นตอนต่อจากอนุมัติความคุ้มครอง
มันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แม้เเต่ตัวของพนักงานบริษัทประกันภัยเองก็ใช้คำเหล่านี้สับสนกัน

MotorInsurance
cover-policy

ตัวอย่าง กรณีการสมัครทำประกันภัยรถยนต์
1. ตัวเเทน/นายหน้าเเจ้ง ไปยังบริษัท
2. บริษัทรับเเละตรวจสอบเบื้องต้น หากเงื่อนไขการสมัครครบถ้วน บริษัทออก “เลขเเจ้ง”
3. บริษัทออกเลขที่กรมธรรม์ (ถือว่าคุ้มครองโดยสมบูรณ์เเล้ว) หลังจาก ตรวจสภาพรถยนต์ผ่าน (กรณีทำประกันภัยรถยนต์ประเภทหนึ่ง หรือ ที่ต้องมีการตรวจสภาพรถก่อนทำประกัน)
4. เข้าสู่กระบวนการออกเล่มกรมธรรม์ (อาจจะใช้เวลาการพิมพ์เล่ม)
5. ดำเนินการ จัดส่งเอกสาร
บริษัทที่บริการดีๆ และพัฒนาระบบที่ดีเเล้ว จะสามารถส่งกรมธรรม์นั้น ตรงไปลูกค้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นช่องทาง ผ่านตัวเเทน/นายหน้า เท่านั้น
บางบริษัทฯ ประกัน ขาดวิสัยทัศน์ อย่างมากเกี่ยวกับ กระบวนการจัดส่งเล่มกรมธรรม์ เนื่องจาก กำหนดช่องทางการส่งมีเพียงเเค่ การส่งผ่านตัวเเทน/นายหน้า หรือ ให้ตัวเเทนนายหน้าเเวะไปรับที่บริษัท เท่านั้น
ถ้าคุณเป็นตัวเเทน/นายหน้า และมีความจำเป็นต้องเดินทางบ่อย เช่น ไปต่างจังหวัด ไปต่างประเทศ ด้วยระบบการจัดส่งเอกสารที่จำกัดขาดความยืดหยุ่นของบริษัทประกันภัยดังกล่าว จะสร้างปัญหาให้คุณได้มากเเค่ไหน!
จากการสอบถามบางบริษัท ทราบว่า … เหตุผลแท้จริงที่ทำให้บริษัท ประกัน เหล่านั้น เลือกใช้วิธีการดังกล่าว เพราะ เอกสารถูกตีกลับมาค่อนข้างมาก เนื่องจากที่อยู่ไม่อัพเดท ที่อยู่มีการเปลี่ยนแปลง หรือไม่มีคนรับ เเล้ว ตัวเเทน/นายหน้า เหล่านั้นไม่ได้แจ้งไปยัง บริษัทฯ ประกัน ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการทำงานที่ไม่รอบคอบ ของตัวเเทนเหล่านั้น
บริษัทดังกล่าว แก้ปัญหาแบบง่ายๆ (ต้องใช้คำว่า แก้ปัญหาแบบ “มักง่าย”) โดยจัดส่งกรมธรรม์ ให้ตัวเเทน/นายหน้า เท่านั่น!
ทำให้ ตัวเเทน/นายหน้า ที่ไม่ได้สร้างปัญหานั้นด้วย ได้รับผลกระทบตามไปด้วยต่อกรณีดังกล่าว ทั้งที่ในความเป็นจริงเเล้ว บริษัทควรหามาตรการ ลงโทษ ปรับ หรือมีเงื่อนไข ให้คิดค่าใช้จ่าย ค่าเสียเวลา , กรณีการร้องขอให้จัดส่งเอกสารตรงไปยังลูกค้าเเต่มีการตีกลับเอกสารมา ซึ่งก็อยู่ในวิสัยที่ทำได้ เเละยุติธรรม
Motor Insurance
เนื่องจากสร้างปัญหาให้บริษัท ถือเป็นบทลงโทษ แต่ก็แปลก ที่บริษัทประกันฯ บางเเห่งเลือกที่จะยกเลิกช่องทางการส่งกรมธรรม์ตรงไปหาลูกค้าซะงั้น
บริษัทจัดส่งเล่มกรมธรรม์ให้==> ตัวเเทน/นายหน้า ==> ส่งต่อให้ลูกค้า
ล่าช้า เสี่ยงต่อการสูญหาย เปลืองค่าใช้จ่าย
ที่น่าผิดหวังกว่านั้น คือ บางบริษัทประกันฯ ไม่รับฟังความคิดเห็นของ ตัวเเทน/นายหน้า
ตัวอย่างของระบบการส่งกรมธรม์ที่ยอดเยี่ยม
จากการได้ใช้บริการ ได้สัมผัสการทำงานร่วมกันมาหลายปี เช่น บริษัท กรุงเทพประกันภัย (มหาชน) จำกัด
กรุงเทพประกันภัย สามารถจัดส่งเล่มกรมธรรม์ตามที่ร้องขอได้ ส่งโดยพนักงานส่งเอกสารก็ได้
ด้วยนโยบายดังกล่าว สร้างความสะดวกอย่างมากให้กับลูกค้าเเละตัวเเทน/นายหน้า นี่ต่างหากคือ บริการที่เกิดจาก วิสัยทัศน์ที่ดีจริงๆ

ที่มา : http://www.asnbroker.co.th 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง Asn Broker Blog ,Asn Broker Blogspot , Asn Broker Exteen , Asn Broker Wikidot , Asn Broker on Wordpress , Asn Broker Journal Blog
 
Motor Insurance


วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เคลมประกัน ศูนย์บริการทำ เชฟโรเลท เทรลเบรเซอร์ กลายเป็นซาก #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

เคลมประกัน ศูนย์บริการทำ เชฟโรเลท เทรลเบรเซอร์ กลายเป็นซาก #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์
เคลมประกัน ศูนย์บริการทำ เชฟโรเลท เทรลเบรเซอร์ กลายเป็นซาก #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

เกิดกระทู้ดังในพันทิป เกี่ยวกับการนำรถไปเคลมกับอู่ๆหนึ่ง จากปัญหาเพียงเล็กน้อย กลายเป็นว่า รถพังทั้งคัน โดนรายละเอียดมีดังนี้ครับ
********************************************
ก่อนอื่นต้องขออภัยหาก โพสผิดห้อง เพราะว่านี่เป็นโพสแรกใน Pantip นะคะ

คือดิฉันมีประสบการณ์เศร้าๆ มาเล่าให้ฟ้งเพื่อเป็นข้อเตือนใจทุกท่านที่จะนำรถเข้าศูนย์บริการ
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา  พี่สาวและพี่เขย ได้เดินทางไปร่วมงานศพที่ จ.จันทบุรี
รถที่ใช้เป็นรถเชฟโรเลตเทรลเบรเซอร์ ขับออกจาก จ.ตรัง  แต่เมื่อขับมาถึงทางด่วน บางนา – ชลบุรี  รถเกิดมีปัญหา
เร่งเครื่องไม่ขึ้น  จึงได้จอดตรวจสอบ และได้มีเจ้าหน้าที่บนทางด่วนเข้ามาให้ความช่วยเหลือ (ใจดีมาก ๆ)  และได้ตรวจสอบเบื้องต้น
พบว่าสายอ่อนเทอร์โบมีปัญหา (หลวม)  พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ทางด่วนจึงซ่อมแซมเบื้องต้นให้  จึงขับได้ต่อมาจนถึง  จ.จันทบุรี
เมื่อร่วมงานศพเสร็จแล้ว  ได้นำรถไปซ่อมบำรุงที่ ศูนย์เชฟโรเลต ประจำจังหวัด จันทบุรี ช่างของศูนย์ได้ตรวจสอบแล้วแจ้งว่า
สายอ่อน เทอร์โบ เสื่อม จึงได้ดำเนินการเปลี่ยนให้เมื่อเปลี่ยนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ช่างของศูนย์ฯ
ดังกล่าวได้นำรถของเราไปขับทดสอบ และพระเจ้าไม่ช่วย  ช่างของศูนย์ ได้ขับรถของเราประสบอุบัติเหตุตกลงข้างทาง รถก็เป็นสภาพอย่างที่เห็นค่ะ  
MotorInsurance-ศูนย์บริการทำ เชฟโรเลท เทรลเบรเซอร์ กลายเป็นซาก

MotorInsurance-ศูนย์บริการทำ เชฟโรเลท เทรลเบรเซอร์ กลายเป็นซาก

MotorInsurance-ศูนย์บริการทำ เชฟโรเลท เทรลเบรเซอร์ กลายเป็นซาก

MotorInsurance-ศูนย์บริการทำ เชฟโรเลท เทรลเบรเซอร์ กลายเป็นซาก

MotorInsurance-ศูนย์บริการทำ เชฟโรเลท เทรลเบรเซอร์ กลายเป็นซาก

และในวันที่เกิดเหตุ ผู้บริหารศูนย์ได้เรียกพี่สาวกับพี่เขย  เข้าไปคุย ต่าง ๆ นา ๆ
โดยที่ขณะที่พูดคุยกับผู้บริหารของศุนย์บริการนั้นพี่สาวกับพี่เขย ยังไม่ทราบว่า รถลงข้างทาง ซึ่งเวลาต่อมาผู้บริหารศูนย์ ฯ
ตัดสินใจแจ้งให้ทราบว่า รถเราเกิดอุบัติเหตุ พุ่งลงข้างทาง  พี่สาว กับพี่เขย  เวลานั้นถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูกเลย และแทนที่ศูนย์ฯ
จะดูแลรับผิดชอบทุกอย่างที่พนักงานของตนได้ทำลงไป  แต่ไม่ค่ะ  ผู้บริหารศูนย์ฯ  ถามว่ารถมีประกันประเภท 1 หรือเปล่า
พี่สาวบอกว่ามี กรมธรรม์อยู่ในรถ  ทางศูนย์ฯ จึงโทรไปแจ้งประกันมาเคลม ต่อมาพนักงานประกันภัยรถยนต์มาเคลมให้
โดยไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ๆ (พนักงานประกัน เพิ่งเข้ามาใหม่...โถ! ชีวิตฉัน)  จนหลังเกิดเหตุ อีก 1 วัน
ดิฉัน (เจ้าของรถ) ถึงทราบเรื่องว่ารถเกิดอุบัติเหตุ จึงสอบถามเรื่องราวทั้งหมด จากพี่สาว และ พี่เขย  เท่านั้นแหละ ค่ะ
ปรี๊ดๆๆๆๆ ขึ้นเลยค่ะ ดิฉันจึงเดินทางไปดูรถด้วยตัวเองที่จังหวัดจันทบุรีเพื่อสอบถามทางอู่ว่าใช้ประกันอะไรในการเคลมซ่อมเหรอ
ทางศูนย์ฯ บอกว่า ประกันคุ้มภัย ซึ่งเป็นของรถคันนี้  โถ... เห็นสภาพรถแล้วถ้าเอากลับมาใช้ก็ใครละจะรับผิดชอบความปลดอภัย
จึงเข้าไปคุยกับท่านประธานของศูนย์ฯ  จะรับผิดชอบอย่างไรบ้างดิฉันมาคุยในฐานะเจ้าของรถคันนี้
ทางศูนย์ฯ บอกว่าประกันแคลมให้แล้ว  เราก็ถามต่อว่าประกันใครเหรอท่านไม่ตอบ และพูดต่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง
เราจะซ่อมให้เต็มที่ดูแลอะไหล่ให้หมด    รถคันนี้ก่อนหน้าเป็นรถของคุณพ่อที่ให้ไว้ดูต่างหน้า (คุณพ่อเสียชีวิต ไปเมื่อ 22 ตุลาคม 2557)
ดิฉันเลยบอกว่า จากสภาพอย่างนี้ ความเสียหายขนาดนี้  ซ่อมเสร็จเราก็คงไม่กล้าขับ เพราะ คัทซีคด ระบบไฟ เครื่องยนต์ ไปหมด
 จึงได้เจรจากับทางผู้บริหารศูนย์ฯ ขอคืนรถ แต่ผู้บริหารไม่ตอบ แถมยังพูดอะไรต่าง ๆ นา ๆ ให้เราเกิดความรู้สึกไม่ดี  
สุดท้าย ผู้บริหาร ศูนย์ฯ ตอบว่า จะรับซื้อคืนแค่ 760,000 บาท  แต่คุณต้องออกค่าโอนเองนะ ดิฉันเลยกลับมากรุงเทพฯ
โทรเข้าไปที่ประกันคุ้มภัยบอกทะเบียนรถสอบถามเรื่องประกันเพราะดิฉันไม่ทราบเลยว่าพ่อทำไว้เท่าไรรู้แต่ว่าเป็นประกันชั้น 1
โถ.....ทุน ประ กัน รถคันนี้ คุณพ่อทำไว้ 8 แสนกว่า บาท ซ่อมห้างอีก แล้วทางศูนย์มันรับผิดชอบอะไรวะ
ในเมื่อมันใช้ประกันเรา มันเรื่องอะไรที่ฉันจะต้องขาดทุนกับสิ่งที่ฉันไม่ได้ก่อ  คุณผู้บริหารศูนย์คุณไม่คิดจะรับผิดชอบเลยใช่ไหม.....

นึกขึ้นได้ จึงโทรปรึกษารุ่นพี่เป็นทนาย   และ ผลออกมาดังนี้ค่ะ เราต้องแจ้งบริษัทประกัน ฯ ใหม่หมดทุกอย่าง
บอกความจริงที่เกิดขึ้น รู้มั๊ยค่ะ ช่างที่ขับรถเราไปประสบเหตุ  เขาบอกประกันว่า  พี่สาวเรา ให้ไปเอาของให้........  งง  เลย
บ้านเราอยู่ จ.ตรัง  และเราไม่มีอะไรอยู่ที่ จ.จันทบุรี  จะไปเอาอะไรรึ แล้วโดยปกติเอารถไปเข้าศูนย์
มีท่านไหนเคยเข้าไปคุยกับช่างที่ซ่อมรถแล้วใช้งานเขาไปนู่นนี่ได้บ้าง นี่แหละที่เป็นปัญหา
คือ โยนความผิดทุกอย่างมาที่ครอบครัวเราเลย ดูทางศูนย์ฯ ทำ...... ต่อมาเมื่อบริษัทประกันคุ้มภัย
ที่ดิฉันใช้บริการอยู่ได้สั่งให้อู่ยุติการซ่อม  เนื่องจากทางบริษัทประกันฯ อาจจะปฏิเสธการรับผิดชอบ
โดยให้ศูนย์ฯ รับผิดชอบเองทั้งหมด  เรื่องก็เลยยังไม่ไปไหนมาไหน ขณะนี้รอให้บริษัทประกัน ดำเนินเรื่องแทน....
ท่านใดพอมีประสบการณ์และในเรื่องแบบนี้รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะค่ะ
ที่มา : http://www.asnbroker.co.th
Admin : ทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทาง ASN Broker ก็ขอเป็นกำลังใจให้แก่ผู้เสียหายอีกทางหนึ่งด้วยครับ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง Asn Broker Blog ,Asn Broker Blogspot , Asn Broker Exteen , Asn Broker Wikidot , Asn Broker on Wordpress , Asn Broker Journal Blog
Motor Insurance

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เจออุบัติเหตุ! แจ้งประกันภัยรถยนต์อย่างไร #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

เจออุบัติเหตุ! แจ้งประกันภัยรถยนต์อย่างไร #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์
เจออุบัติเหตุ! แจ้งประกันภัยรถยนต์อย่างไร #ประกันภัยรถยนต์ #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

ข้อมูลที่ท่านต้องเตรียมเมื่อจะโทรแจ้งอุบัติเหตุ
1.เลขที่กรมธรรม์ (ถ้าทราบ)
2.ชื่อผู้เอาประกัน (ต้องทราบ)
3.ยี่ห้อรถ, เลขทะเบียน และสีของรถเอาประกัน (ต้องทราบ)
4.วัน &เวลา ที่เกิดเหตุ (ต้องทราบ)
5.สถานที่เกิดเหตุ (ต้องทราบ)
6.ลักษณะการเกิดเหตุ (ต้องทราบ)
7.ขณะนี้รถอยู่ที่ใด , จุดสังเกตที่เห็นได้ชัด (ต้องทราบ)
8.ชื่อผู้ขับขี่ และโทรศัพท์ (ต้องทราบ)
9.ชื่อผู้โทร.แจ้ง และโทรศัพท์ (ต้องทราบ)
10.ยี่ห้อรถ, เลขทะเบียน และสีของรถคู่กรณี (ควรทราบ)
สิ่งที่ท่านจะได้รับและควรจำหลังเสร็จสิ้นการโทร.แจ้ง
1.เลขที่อุบัติเหตุของท่าน
2.ชื่อผู้รับแจ้ง
อุบัติเหตุที่ควรโทรแจ้งทันที
โดยส่วนใหญ่จะเป็นเหตุที่ผู้ขับขี่ต้อง การความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากเจ้าหน้าที่สำรวจอุบัติเหตุ ที่จะเข้าไปดำเนินการเคลมรถให้ อาทิ

 รถชนกับรถคู่กรณี
 รถชนกับทรัพย์สินต่างๆ (กรณีที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายด้วย)
 รถชนคน
 รถคว่ำ
 รถเกิดเหตุเพลิงไหม้หรือตกน้ำ
 รถหาย/อุปกรณ์ส่วนควบหาย
 หรือการเกิดเหตุใดก็ตามที่ทำให้รถมีความเสียหายมาก เป็นต้น
หลังจากโทรแจ้งเหตุแล้ว บริษัทฯ ก็จะรีบส่งเจ้าหน้าที่สำรวจอุบัติเหตุมาช่วยเหลือท่าน ซึ่งหากอุบัติเหตุครั้งนั้น อยู่ในเงื่อนไขของความคุ้มครองตามกรมธรรม์ที่ท่านถืออยู่ เจ้าหน้าที่สำรวจก็จะออกเอกสารให้ท่าน 1 ใบ สำหรับการติดต่อซ่อมรถ ซึ่งในภายหลัง ท่านอาจนำรถพร้อมเอกสารใบนี้ไปติดต่อซ่อมที่อู่ที่รับงานกับบริษัทฯ ได้โดยตรง หรือจะนำไปติดต่อให้บริษัทฯ คุมราคาเพื่อนำรถไปจัดซ่อมเองก็ได้ เอกสารใบนี้เรียกว่าใบรับรองความเสียหาย(หรือจะเรียกว่าใบเคลมก็ได้)
กรณีที่รถชนกับรถคู่กรณี
สิ่งที่จะช่วยอำนวยความ สะดวกแก่ท่านอย่างหนึ่ง ก็คือเอกสารที่ชื่อ ” ใบยืนยันการเกิดเหตุ ” ที่แนบมาพร้อมซองกรมธรรม์ประเภท 1 ของท่าน หากรถของท่านชนกับรถคู่กรณีที่มีประกัน ไม่ว่าจะประกันที่ใดก็ตามที่เป็นประเภท 1 หากคู่กรณีมีเอกสารเหมือนกับท่าน (ที่ยังไม่หมดอายุ) ขอให้นำมากรอกแล้วแลกกันถือไว้ จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็ไปติดต่อกับบริษัทประกันของตัวเอง
ประโยชน์ที่ท่านได้รับคือ ไม่ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ประกันเดินทางมาเคลมให้เสียเวลาของท่าน
สำหรับกรณีรถกระจกบังลมแตก
กรณีนี้ก็ควรรีบโทรแจ้งเหตุ โดยทันที ถึงแม้บริษัทฯ จะไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกมาสำรวจอุบัติเหตุ แต่การโทรแจ้งเหตุก็เพื่อขอคำแนะนำวิธีปฏิบัติกับรถที่กระจกแตก ซึ่งก็ได้แก่
แนะนำให้เข้าไปเปลี่ยนกระจกที่ร้านกระจกที่รับงานกับบริษัทฯ ได้ทันที
หรือหากไม่สะดวก ก็ให้หาร้านเปลี่ยนเองได้เลย แล้วนำใบเสร็จไปติดต่อ ขอตั้งเบิกคืนจากบริษัทฯ ภายหลัง ซึ่งหากมีหลักฐานที่ยืนยันว่ากระจกแตกแนบมาได้ เช่น ภาพถ่ายขณะกระจกแตก ,เศษกระจกที่ติดมากับป้ายวงกลม ก็จะเป็นการดี แต่ถ้าไม่สามารถหามาได้ ทางบริษัทฯ ก็ยินดีที่จะรับฟังเหตุผลของท่าน
อุบัติเหตุที่ไม่ต้องโทรแจ้งทันที
อุบัติเหตุประเภทนี้มักเป็น อุบัติเหตุที่เสียหายไม่มากนัก ไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วนสำหรับผู้ขับขี่ จึงสามารถที่จะใช้รถไปพลางๆ ก่อนได้ เช่น
 ถูกก้อนหินกระเด็นใส่
 ถูกขีดข่วน
 เฉี่ยวเสา, รั้ว ฯลฯ (ที่ทรัพย์สินไม่เสียหายหรือเจ้าของไม่เอาเรื่อง)
หากท่านมีความสะดวกเมื่อใด จึงค่อยโทรแจ้งเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ จะให้เลขเคลมพร้อมกับคำแนะนำขั้นตอนต่อไป สิ่งที่ผู้ขับขี่ หรือเจ้าของรถควรทำ ได้แก่
 แนะนำให้นำรถไป ติดต่อกับบริษัทฯ ภายหลัง เพื่อขอให้บริษัทฯ คุมราคาสำหรับการจะนำรถไปจัดซ่อมเอง หรือหารือที่จะเข้าซ่อมที่อู่รับงานกับบริษัทฯ
 หากเจ้าของรถไม่ ประสงค์จะเดินทางไปบริษัทฯ ก็อาจขอรายชื่ออู่ที่รับงานกับบริษัทฯ ที่สามารถเปิดเคลมให้ท่านได้ แล้วนำรถไปเปิดเคลมกับอู่ดังกล่าว หรือติดต่อเคลมรถกับเจ้าหน้าที่ประจำรถ Mobile ก็ได้ข้อควรปฏิบัติ ณ ที่เกิดเหตุ
ข้อควรปฏิบัติเมื่อรถของท่านชนกับรถคู่กรณี ขณะกำลังรอเจ้าหน้าที่ประกันเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
 MotorInsurance
หากท่านแน่ใจว่า ท่านเป็นฝ่ายได้เปรียบเส้นทางแล้ว อย่ารีบเคลื่อนย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุ จนกว่าจะแน่ใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งยอมรับผิด หรือพนักงานจราจรมาทำแผนที่เกิดเหตุแล้ว หรือกรณีที่ไม่แน่ใจว่าฝ่ายใดได้เปรียบเส้นทาง การเคลื่อนย้ายรถหรือแยกย้ายรถออกจากกัน ท่านอาจถูกปรักปรำจนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้
หากไม่แน่ใจใน รูปคดีหรือการซักถามของอีกฝ่าย ไม่ควรออกความเห็นใดๆ ที่ท่านไม่แน่ใจว่าจะเป็นผลดีต่อท่านหรือรูปคดีของท่าน จนกว่าเจ้าหน้าที่ประกันภัยจะให้คำแนะนำ
จดจำรายละเอียดต่างๆ ที่จำเป็นของคู่กรณีไว้ เช่น หมายเลขทะเบียนรถ ยี่ห้อ สี เป็นต้น เพื่อป้องกันการหลบหนี
ไม่ควรรับข้อเสนอหรือประนีประนอมยอมความกับฝ่ายคู่กรณี หากไม่แน่ใจว่าจะคุ้มกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวท่าน
หากมีคนเจ็บ ให้นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงโดยเร็ว
โปรดระลึกเสมอว่าเจ้าหน้าที่ของบริษัทสามารถช่วยเหลือท่านได้ หากท่านได้ปฏิบัติถูกต้องตามวิธีการที่กล่าวข้างต้น
กรณีมีข้อขัดข้อง หรือต้องการคำแนะเพิ่มเติม ท่านควรโทรติดต่อบริษัทฯ
ข้อควรรู้เมื่อจะนำรถเข้าซ่อม
กรณีที่ท่านมีใบรับรองความเสียหายแล้ว (ตรวจสอบความเสียหายรถโดยพนักงานบริษัทฯ แล้ว)
1.เมื่อต้องการนำรถจัดซ่อมที่อู่ในเครือ ให้นำรถเข้าอู่ในเครือเพื่อจัดซ่อมได้เลย เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการติดต่ออู่ ได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
สำเนาทะเบียนรถ (อาจจำเป็นในการจัดอะไหล่ให้ตรงกับรุ่นรถ)
สำเนากรมธรรม์ประกันภัย (สำหรับรถคู่กรณี เพื่อตรวจสอบการประกันภัย)
2.เมื่อต้องการนำรถจัดซ่อมเอง (จัดซ่อมกับอู่ที่ไม่ได้อยู่ในเครือ) ให้นำรถและใบรับรองความเสียหายติดต่อกับบริษัทฯ /รถ Mobile / จุดบริการต่าง ๆ เพื่อประเมินราคาค่าซ่อมก่อนดำเนินการซ่อม
2.1หากอู่ซ่อมนั้นเป็นอู่ที่รับวางบิลกับบริษัทฯ เอกสารที่ท่านต้องนำไปให้อู่เพื่อให้อู่เบิกเงินกับบริษัทฯ โดยตรงได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
สำเนากรมธรรม์ประกันภัย ( สำหรับรถคู่กรณี เพื่อตรวจสอบการประกันภัย )
2.2หากอู่ซ่อมนั้นเป็นอู่ที่ไม่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านสำรองจ่ายค่าซ่อมนั้นไปก่อน แล้วนำเอกสารตั้งเบิกกับบริษัทฯ ภายหลัง เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการตั้งเบิกกับบริษัทฯ ได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี
นำรถมาตรวจสอบ หรือภาพถ่ายรถที่ซ่อมแล้วเสร็จ
ซากอะไหล่ ( ถ้ามีการร้องขอจากบริษัทฯ ไว้ก่อน )
3.เมื่อต้องการนำรถจัดซ่อมที่ศูนย์บริการ / ห้าง
3.1หากเป็นศูนย์บริการ / ห้าง ที่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านนำใบรับรองความเสียหายมอบให้กับศูนย์บริการ / ห้าง เพื่อให้ศูนย์บริการ / ห้าง ตั้งเบิกแทนท่าน
3.2หากเป็นศูนย์บริการ / ห้าง ที่ไม่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านสำรองจ่ายค่าซ่อมนั้นไปก่อน แล้วนำเอกสารตั้งเบิกกับ
บริษัทฯภายหลัง เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการตั้งเบิกกับบริษัทฯ ได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
ใบเสร็จรับเงิน / ใบกำกับภาษี
นำรถมาตรวจสอบ หรือภาพถ่ายรถที่ซ่อมแล้วเสร็จ
ซากอะไหล่ (ถ้ามีการร้องขอจากบริษัทฯ ไว้ก่อน)
หมายเหตุ ถ้าท่านซื้อกรมธรรม์ประเภท ” ซ่อมห้าง ” ท่านจะไม่ต้องรับผิดชอบค่าซ่อมใดๆ แต่ถ้าท่านมิได้ซื้อกรมธรรม์ประเภท ” ซ่อมห้าง ” บริษัทฯ จะประเมินราคาค่าซ่อมให้ ซึ่งท่านจะต้องชำระส่วนต่างของค่าซ่อมกับศูนย์บริการ/ห้าง เอง
มีใบรับรองความเสียหาย
กรณีที่ท่านมีใบรับรองความเสียหายแล้ว (ตรวจสอบความเสียหายรถโดยพนักงานบริษัทฯ แล้ว)
1.เมื่อต้องการนำรถจัดซ่อมที่อู่ในเครือ ให้นำรถเข้าอู่ในเครือเพื่อจัดซ่อมได้เลย เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการติดต่ออู่ ได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
สำเนาทะเบียนรถ (อาจจำเป็นในการจัดอะไหล่ให้ตรงกับรุ่นรถ)
สำเนากรมธรรม์ประกันภัย (สำหรับรถคู่กรณี เพื่อตรวจสอบการประกันภัย)
2.เมื่อต้องการนำรถจัดซ่อมเอง (จัดซ่อมกับอู่ที่ไม่ได้อยู่ในเครือ) ให้นำรถและใบรับรองความเสียหายติดต่อกับบริษัทฯ /รถ Mobile / จุดบริการต่าง ๆ เพื่อประเมินราคาค่าซ่อมก่อนดำเนินการซ่อม
2.1หากอู่ซ่อมนั้นเป็นอู่ที่รับวางบิลกับบริษัทฯ เอกสารที่ท่านต้องนำไปให้อู่เพื่อให้อู่เบิกเงินกับบริษัทฯ โดยตรงได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
สำเนากรมธรรม์ประกันภัย ( สำหรับรถคู่กรณี เพื่อตรวจสอบการประกันภัย )
2.2หากอู่ซ่อมนั้นเป็นอู่ที่ไม่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านสำรองจ่ายค่าซ่อมนั้นไปก่อน แล้วนำเอกสารตั้งเบิกกับบริษัทฯ ภายหลัง เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการตั้งเบิกกับบริษัทฯ ได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี
นำรถมาตรวจสอบ หรือภาพถ่ายรถที่ซ่อมแล้วเสร็จ
ซากอะไหล่ ( ถ้ามีการร้องขอจากบริษัทฯ ไว้ก่อน )
3.เมื่อต้องการนำรถจัดซ่อมที่ศูนย์บริการ / ห้าง
3.1หากเป็นศูนย์บริการ / ห้าง ที่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านนำใบรับรองความเสียหายมอบให้กับศูนย์บริการ / ห้าง เพื่อให้ศูนย์บริการ / ห้าง ตั้งเบิกแทนท่าน
3.2หากเป็นศูนย์บริการ / ห้าง ที่ไม่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านสำรองจ่ายค่าซ่อมนั้นไปก่อน แล้วนำเอกสารตั้งเบิกกับ
บริษัทฯภายหลัง เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการตั้งเบิกกับบริษัทฯ ได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
ใบเสร็จรับเงิน / ใบกำกับภาษี
นำรถมาตรวจสอบ หรือภาพถ่ายรถที่ซ่อมแล้วเสร็จ
ซากอะไหล่ (ถ้ามีการร้องขอจากบริษัทฯ ไว้ก่อน)
หมายเหตุ ถ้าท่านซื้อกรมธรรม์ประเภท ” ซ่อมห้าง ” ท่านจะไม่ต้องรับผิดชอบค่าซ่อมใดๆ แต่ถ้าท่านมิได้ซื้อกรมธรรม์ประเภท ” ซ่อมห้าง ” บริษัทฯ จะประเมินราคาค่าซ่อมให้ ซึ่งท่านจะต้องชำระส่วนต่างของค่าซ่อมกับศูนย์บริการ/ห้าง เอง
ไม่มีใบรับรองความเสียหาย
กรณีที่ท่านไม่มีใบรับรองความเสียหาย (ยังมิได้นำรถให้พนักงานบริษัทฯ ตรวจสอบ)
1.เมื่อต้องการนำรถจัดซ่อมที่อู่ในเครือ ท่านสามารถนำรถไปติดต่อเคลมรถได้โดยวิธีการใดวิธีการหนึ่งดังต่อไปนี้
1.1ให้นำรถไปติดต่อเคลมที่บริษัทฯ/รถ Mobile /จุดบริการ ต่างๆ พร้อมใบอนุญาตขับขี่เพื่อให้พนักงานบริษัทฯ ตรวจสอบความเสียหาย และออกใบรับรองความเสียหายให้ หลังจากนั้นให้นำรถเข้าซ่อมที่อู่ในเครือ เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการติดต่ออู่ ได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
สำเนาทะเบียนรถ ( อาจจำเป็นในการจัดอะไหล่ให้ตรงกับรุ่นรถ )
สำเนากรมธรรม์ประกันภัย ( สำหรับรถคู่กรณี เพื่อตรวจสอบการประกันภัย )
1.2ให้นำรถไปติดต่อเคลมและจัดซ่อมที่อู่เลย กรณีนี้สงวนสิทธิสำหรับรถที่มีความเสียหายโดยประมาณไม่เกิน 10,000.- บาท และต้องเป็นอู่ที่เปิดเคลมได้เท่านั้น
อู่ที่เปิดเคลมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล = ดูรายชื่ออู่ที่เปิดเคลม
อู่ที่เปิดเคลมในเขตต่างจังหวัด = ให้ประสานกับสาขาที่รับผิดชอบตามพื้นที่ก่อน
เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการเปิดเคลมที่อู่ ได้แก่
เลขเคลม (ขอได้จากการโทรแจ้งอุบัติเหตุ)
ใบอนุญาตขับขี่
ใบยอมรับผิดจากบริษัทประกันคู่กรณี (ถ้ามี)
สำเนาประจำวัน (ถ้ามี)
2.เมื่อต้องการนำรถจัดซ่อมเอง (จัดซ่อมกับอู่ที่ไม่ได้อยู่ในเครือ) ให้ นำรถไปติดต่อเคลมที่บริษัทฯ / รถ Mobile /จุดบริการ ต่าง ๆ พร้อมใบอนุญาตขับขี่ เพื่อให้พนักงานบริษัทฯ ตรวจสอบความเสียหาย , ออกใบรับรองความเสียหายและประเมินราคาค่าซ่อม
2.1หากอู่ซ่อมนั้นเป็นอู่ที่รับวางบิลกับบริษัทฯ เอกสารที่ท่านต้องนำไปให้อู่เพื่อให้อู่เบิกเงินกับบริษัทฯ โดยตรงได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
สำเนากรมธรรม์ประกันภัย ( สำหรับรถคู่กรณี เพื่อตรวจสอบการประกันภัย )
2.2หากอู่ซ่อมนั้นเป็นอู่ที่ไม่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านสำรองจ่ายค่าซ่อมนั้นไปก่อน แล้วนำเอกสารตั้งเบิกกับบริษัทฯ ภายหลัง เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการตั้งเบิกกับบริษัทฯ ได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี
นำรถมาตรวจสอบ หรือภาพถ่ายรถที่ซ่อมแล้วเสร็จ
ซากอะไหล่ ( ถ้ามีการร้องขอจากบริษัทฯ ไว้ก่อน )
3.เมื่อต้องการนำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการ/ห้าง ให้ท่านนำรถไปติดต่อเคลมที่บริษัทฯ / รถ Mobile / จุดบริการ ต่าง ๆ พร้อมใบอนุญาตขับขี่ เพื่อให้พนักงานบริษัทฯ ตรวจสอบความเสียหาย และออกใบรับรองความเสียหาย
3.1หากเป็นศูนย์บริการ / ห้าง ที่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านนำใบรับรองความเสียหายมอบให้กับศูนย์บริการ / ห้าง เพื่อให้ศูนย์บริการ / ห้าง ตั้งเบิกแทนท่าน
3.2หากเป็นศูนย์บริการ / ห้าง ที่ไม่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านสำรองจ่ายค่าซ่อมนั้นไปก่อน แล้วนำเอกสารตั้งเบิกกับ
บริษัทฯภายหลัง เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการตั้งเบิกกับบริษัทฯ ได้แก่
ใบรับรองความเสียหาย
ใบเสร็จรับเงิน / ใบกำกับภาษี
นำรถมาตรวจสอบ หรือภาพถ่ายรถที่ซ่อมแล้วเสร็จ
ซากอะไหล่ (ถ้ามีการร้องขอจากบริษัทฯ ไว้ก่อน)
หมายเหตุ ถ้าท่านซื้อกรมธรรม์ประเภท ” ซ่อมห้าง ” ท่านจะไม่ต้องรับผิดชอบค่าซ่อมใดๆ แต่ถ้าท่านมิได้ซื้อกรมธรรม์ประเภท ” ซ่อมห้าง ” บริษัทฯ จะประเมินราคาค่าซ่อมให้ ซึ่งท่านจะต้องชำระส่วนต่างของค่าซ่อมกับศูนย์บริการ/ห้าง เอง
การประกันตัวผู้ขับขี่คดีอาญา
ในกรณีที่ท่านซื้อความคุ้มครองการประกัน ตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญาเมื่อรถของท่านเกิดอุบัติเหตุ และมีการแจ้งข้อหาคดีอาญาจากพนักงานสอบสวนที่จะควบคุมตัวผู้ขับขี่ บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมที่จะนำหลักทรัพย์ไปประกันตัวผู้ขับขี่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
การประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน

1.กรณีที่เกิดเหตุในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้แจ้งกับพนักงานสำรวจ หรือแจ้งไปที่ส่วนงานด้านนัดหมาย ( โทร.02-2480059 # 2374 ,2375,2376 )
2.กรณีเกิดเหตุในต่างจังหวัด ให้แจ้งกับพนักงานสำรวจ หรือสาขาท้องที่เกิดเหตุนั้น
การประกันตัวในชั้นอัยการ / ชั้นศาล
ทางบริษัทฯ จะนำหลักทรัพย์ไปประกันตัวได้ตามนัดหมาย ทั้งนี้ ขอให้ผู้ขับขี่ แจ้งให้ทราบล่วงหน้า 1 วัน โดยแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ประกันตัว ชื่อผู้ต้องหาตามบัตรประจำตัวที่ถูกต้อง พร้อมแจ้งจำนวนเงินที่ต้องประกันตัวให้บริษัทฯทราบ
ที่มา http://www.asnbroker.co.th
Motor Insurance